มีหลักง่ายๆ อยู่ 2 ประการ คือ
ตัวท่านเอง ต้องมี เครดิตดี ก็ได้เต็ม ตามกำลังท่าน และ หลักทรัพย์ที่จะใช้ค้ำประกันการกู้ ท่าน ต้องมีราคาสูง
เต็มตามที่ควรจะเป็นเราจะมาว่าทั้งสองประเด็นนี้ กันให้ละเอียดกันเลย
1.เครดิตของท่านเอง ถ้าท่านไม่แน่ใจเรื่องตัวเครดิต ของท่านเอง ว่า ติดยอดหนี้ ติดยอดค้างอะไร
ก็ควรจะไปเช็คเสียก่อน เพราะว่า ข้อมูล จาก NCB (เรียกให้มันเท่ เข้าไว้) จริงก็คือ สำนักงานเครดิตแห่งชาติ National Credit Bureau หลายท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่จำไว้เถอะ ต่อๆไป มันจะมีผลต่อชีวิตท่าน มากขึ้นเรื่อยๆ ธนาคาร ทุกธนาคาร รวมถึง สำนักการเงิน สถาบันการเงิน อื่นๆ จะใช้ ข้อมูล จาก NCB เป็นด่านตรวจสอบด่านแรกเลย ถ้าท่านไม่แน่ใจ ว่าท่านมียอด ค้าง มีหนี้สิน แค่ไหน ขอแนะนำ ให้ท่านไปเช็คซะ
มีเรื่องตลกที่ขำไม่ออก(ตลกเลวร้าย-) มีหลายท่านที่มีปัญหา ไม่สามารถกู้แบงค์ได้ ทั้งที่มีรายได้ดีมาก statement สม่ำเสมอ
แต่แบงค์ไม่อนุมัติ สอบถามแบงค์ก็ไม่สามารถตอบให้กระจ่างได้ (เนื่องจาก ไม่มั่นใจเรื่องการเปิดเผย ข้อมูลของลูกค้า)
นึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าตัวเองไปเป็นหนี้เสียที่ไหน สุดท้าย ไปเช็คที่ NCB ก็พบว่า มี่ยอดค้างเป็นเศษบาท เศษสตางค์
กับบัตร เครดิต ใหญ่ แห่งหนึ่ง ที่ปิดบัญชีไปแล้ว แต่ผิดพลาดทางเทคนิค กว่าจะเคลียร์กันได้ ก็ใช้เวลาหลายเดือนต่อมา
เนื่องจาก NCB อ้างว่าไม่สามารถแก้ไขได้เอง ต้องประสานกับเจ้าของ ข้อมูล อีกหลายรอบ รอรอบบัญชี รอส่งข้อมูล......
รอ...ไงละ ฟังแล้วจะ เครียด หรือจะขำดี
1.วิธีที่จะทำให้เครดิต ท่านดี
- เมื่อเช็คกับ NCB เรียบร้อยแล้ว ท่านก็จะทราบเลยว่า ท่านมีหนี้ในสายตา BANK อย่างไร บ้าง
เมื่อผลอออกมา หลายท่านจะเห็นได้ว่า หนี้ หลายอย่างๆ ไมได้ โชว์ ทั้งหมด เช่น หนี้ รถยนต์ จากไฟแนนซ์บางแห่ง เงินกู้
เงินผ่อน บางตัว รวมถึง หนี้ อาบัง นอกระบบทั้งหลาย(เพราะไม่ได้เป็นสมาชิก NCB- หรือ บางทีข้อมูลยังไม่ update)
โชคดีไป สำหรับที่ไม่โชว์เลย ก็ถือว่า ท่านยังเป็นผู้มีเครดิต ดีมากในสายตา bank แล้ว ส่วนท่านที่ มีหนี้ ยุบยิบ ยิบย่อย
ทั้งหลายทำอย่างไร แนะนำ คือ ถ้าเป็นยอดที่ใกล้จะหมด แล้ว และหนี้ไม่มากมายนัก ก็ควรจะปิดบัญชี เคลียร์หนี้ให้หมดไปเลย เพื่อให้ยอดสวย เมื่อท่านปิดแล้ว ประมาณ 3 เดิอน (เป็นอย่างน้อย) ยอดที่ปิดบัญชี ถึงจะหายไป(ตามระบบ ของ NCB)
ท่านควรจะไปเช็ค ที่ NCB อีกครั้งหนึ่ง เพื่อความชัวร์ นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ยอดกู้ท่านสูงขึ้นได้
- BanK Statement
เป็นหลักฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ ใช้พิจารณา คือ ต้องให้บัญชีเดินสม่ำเสมอ อย่างน้อยที่สุด 6 เดือนฝากมากกว่าถอน
มียอดเงินออมให้มากเข้าไว้ (เทคนิค อีกอย่างหนึ่งก็คือ บางท่าน ยืมเงินแม่ มาเข้าบัญชีไว้เยอะๆ ให้ช่วงก่อนกู้ พอกู้เสร็จ
แล้วก็ค่อยโยกบัญชีกับไป) bankท่านไม่สน หรอกว่า คุณไปยือเงินใครเขามา แต่ถ้าคุณมีความสามารถไปกู้ยืมเขาได้ก็แสดงว่า เครดิต คุณใช้ได้
เห็นไหมละครับว่า การเตรียมตัวกู้แบงค์ก็้เป็นเรื่องที่ใช้เวลาเหมือนกัน ถึงจะได้ผลดี ส่วนที่ มีคนถามว่า
มีบางรายเห็นโฆษณารับทำเรื่องเดินStatement ราคาถูกๆ อันนั้น ขอแนะนำให้ห่างๆ คุก-ดีๆนี่เอง เพราะเป็นการ
ทำ Statement ปลอม หลายแบงค์ เช็คละเอียด ซึ่งเช็คได้ไม่ยาก และไม่ปล่อยให้คุณลอยนวล เหมือนเมื่อก่อน นะคร้าบอย่าไปเชื่อใครเข้าง่ายล่ะ
- หลักฐานการประกอบการกู้ อื่นๆ
โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจ ส่วนตัว นอกจาก Statement บัญชี ออมทรัพย์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการ
อื่นๆ ท่านก็ก็ควรเตรียมตัว ให้กระจ่าง ไม่ต้องให้ bank ต้องถาม เพื่อให้bankมั่นใจ ช่น ใบจดทะเบียน บริษัท
หลักฐานการเสียภาษี บัญชีกระแสรายวัน รูปถ่ายของกิจการ บัญชีรายชื่อลูกค้า ผู้อ้างอิง ใบส่งของ รวมถึง
หลักทรัพย์ อื่นๆ รถยนต์ บ้าน ที่ดิน เพื่อที่จะให้แบงค์ ท่านมั่นใจ ในเครดิต ของท่านเอง
คะแนนตรงนี้มีเพิ่มแน่นอน อย่าละเลยไป
ส่วนถ้าหาก ว่า เมื่อท่านกู้คนเดียว แสดงหลักฐานความสามารถเต็มที่ แล้ว ยอดกู้ยังได้ไม่ดีพอ
กับที่ต้องการ กำลังภายในหมด ก็ต้องใช้กำลังภายนอก คือ หาผู้กู้ร่วม มาเพิ่ม ก็ต้องใช้หลักการ
เช็คเครดิตเบื้องต้น แบบเดียวกัน โดยทั่วไป แบงค์จะเน้น เฉพาะที่เป็นญาติสนิทเป็นหลัก
2 ทำอย่างไร ให้หลักทรัพย์ที่ซื้อให้ได้สูง
นอกจากการทำให้เครดิตท่านดีแล้ว หลักทรัพย์ที่จะซื้อ หรือ ใช้ค้ำประกันการกู้กับแบงค์ ก็เป็นหัวใจสำคัญอีกตัวหนึ่ง เช่น
ท่านอาจจะก็ได้ ถึง 3 ล้าน และถ้าท่านซือบ้าน ราคา 3 ล้าน หลักทรพย์ ประเมินได้ 3 ล้าน ท่านก็จะกู้ได้ 80% เต็มตามสิทธิแต่ถ้า ตัวหลักทรัพย์ ประเมินได้ ต่ำกว่า กว่า 3 ล้าน เช่น ประเมินได้แค่ 2.8 ล้าน ท่านก็อาจจะกู้ได้ แค่ 2.4 ล้าน เป็นต้น
ท่านก็จะกู้ได้ต่ำไปด้วย
ท่านจะเลือกซื้อทรัพย์สินอย่างไร ถึงจะประเมินได้สูง
2.1 เปรียบเทียบกับราคาทั่วไป ควรไม่สูงกว่าราคาตลาด ถ้าต่ำกว่าราคาทั่วไปได้ก็จะดีมาก แน่นอน ว่าหลักทรพย์
บ้านที่ดิน ที่ท่านซื้อได้ต่ำกว่า ราคาทั่วไป ย่อมทำให้ท่านทำการประเมินราคาได้สูง
2.2 ถ้าเป็นบ้านมือสอง ควรจะต้องปรับปรุง ให้สภาพดี เสียก่อน (ตกลงกับผู้ขาย ในตอนทำสัญญาจะซื้อจะขาย ควรขอเข้าไปปรับปรุงให้มีสภาพดี ก่อนยื่นกู้ ประเมิน) เพราะถ้าหลักทรัพย์ที่สภาพไม่ดี ราคาก็จะต่ำกว่าปกติ
2.3 หาข้อมูลอ้างอิงราคา ข้อมูลเหล่านี้ ท่านสามารถอ้างอิง ให้ข้อมูลแก่ บริษัท ประเมิน ได้ รวมทั้ง การอุทธรณ์กับ แบงค์ในกรณี ที่ บริษัทประเมิน ประเมินต่ำเกินจริง(ประเภทปลอดภัยไว้ก่อน คนอิ่นเดิอดร้อนชั่งมัน)
ที่ว่ามาทั้งหมดนี่ ถ้าท่าน ทำตามได้ ก็จะทำให้ การกู้บ้าน ซื้อบ้าน ของท่านเครดิต สวยๆ ยอดสูงได้ดีทีเดียว แต่เท่านั้นยังไม่พอ มีอีกประเภทหนึ่ง ที่ถามเข้ามา มากประเภทอยากได้สูงๆ เยอะๆประเภทกู้เต็ม กู้เกิน
ตามที่ได้ยิน ได้ฟังมา รวมทั้ง เป็นข่าว(และเป็นคดีกันอยู่) ขออภัยอาจจะไม่ตอบตรงๆ อย่างเช่น คำถาม ถามว่า ตัวท่านสามารถ กู้ได้ 2 ล้าน ถึง 2 ล้าน ต้นๆ โดยประมาณ ท่านตกลงซื้อขาย กับ ผู้ขาย บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น 24 วา หลัง หนึ่ง ไว้ 2 ล้าน บาท ถามว่าทำอย่างไร ท่าน ถึงจะกู้ได้ 2 ล้าน หรือ มากกว่า
ตอบ ท่านก็จะต้องทำราคาให้ประเมิน ให้บริษัทประเมินให้สูง ประมาณ 2.5 ล้าน และ และท่านก็จะต้อง ทำเรื่องยื่นกู้
ขอยอดกับแบงค์ ประมาณ 2.2 ล้านถึง 2.3 ล้าน ถ้าผ่าน แบ้งก์ถึงจะให้กู้ประมาณ 2 ล้าน หรือ 2.1 ล้านเช่นนี้เป็นต้น พอก่อน